วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

สูตรก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นรสเด็ด-ก๋วยเตี๊ยวหมูตุ่น

"ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นรสเด็ด" น่าทานมากเลยนะ ได้มาจาก facebook Pilailuck Kanjanawat ก็เลยเอามาฝาก แต่เราไม่ทานเนื้อ ก็เลยเปลี่ยนเป็นหมูแทน ใครที่เบื่อก๋วยเตี๊ยวที่ร้านทั่วๆ แบบเครื่องน้อย ไม่อร่อย ก้ลองมาทำกินเองดูนะ


ส่วนผสม และ เครื่องปรุง
1.เนื้อสามชั้น 1 กิโล (ไม่ต้องหั่นตุ๋นทั้งชิ้นจะทำให้เนื้อนุ่มหอมน่ากิน)
2.นำรากผักชี5ราก/กระเทียม2หัว/พริกไทย1ช.ต.เกลือ 1ช้อนชา มาตำรวมกัน หยาบๆ
3.ข่า 10 บาท ทุบให้แตก
4.ซอสปรุงรส 5ช้อนโต๊ะ
5.ซีอิ้วดำหวาน 5ช้อนโต๊ะ
6.ลูกกระวาน 10 ลูก/ใบกระวาน10ใบ
7.ลูกผักชีคั่วหอม 1ช้อนโต๊ะ
8.น้ำตาลทราย 5ชัอนโต๊ะ
9.น้ำตาลทรายแดง 6ช้อนโต๊ะ
10.ซุปเนื้อก้อน 2 ก้อน
11.เกลือ 2ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1.นำเนื้อมาหมักกับเครื่องปรุง ในข้อ2-ข้อ7หมักทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมง
2.ต้มนำ้ให้เดือดใส่เนื้อที่หมักไว้ลงไปเคี่ยวด้วยไฟอ่อนถึงปานกลาง ประมาน 3 ชั่วโมง ช้อนฟองและน้ำมันทิ้ง ใส่น้ำท่วมเนื้อขึ้นมาครึ่งฝ่ามือค่ะ (หม้ออัดแรงดัน ใช้เวลา40นาที)
3.ตรวจดูให้เนื้อเปื่อยจึงเติมเครื่องปรุง ข้อ8-ข้อ11 ขิมรสตามต้องการ
4.เติมน้ำปรุงรส(เพื่อใช้เป็นน้ำซุป)
5.ตักเนื้อขึ้นมาหั่นเป็นชิ้นตามต้องการ แยกเก็บใส่หม้อไว้(ไม่ควรใส่ไว้ในน้ำซุป)
6.ลวกเส้น/คะน้า/ถั่วงอก/ลูกชิ้น/ตังไฉ่ /ต้นหอมผักชี/กระเทียมเจียว
7.ใส่เนื้อที่หั่นไว้ราดด้วยน้ำเนื้อตุ๋น เสร็จแล้วค่ะ  สำหรับคนที่ไม่ทานเนื้อ ใช้สันคอหมูแทนได้เลยค่ะ  ทำเหมือนกันทุกอย่างแต่ตุ๋นแค่ชั่วโมงเดียว



ที่มา facebook Pilailuck Kanjanawat

วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ลาบหมูทอด

คุณ Manop Karist Gatecare เจ้าของเมนู เค้าตั้งชื่อไว้ว่า"หมูคลุกฝุ่น"หน้าตาน่ากินมากๆ เลยอดไม่ได้ที่จะ เอามาฝากให้คนอื่นๆ ได้ลองทำทานกันดูบ้าง 



วัตถุดิบ
1.หมู 200 กรัม -ล้าง หั่นเป็นเส้นพอประมาณ 
2.พริกป่น 1.5 ชช.น้ำปลา 1.5 ชต.มะนาว 1 ชต.ผงปรุงรสหมู 1 ชช.ข้าวคั่ว 1 ชต. ผงชูรส 
3.ใบมะกรูดซอย หรือ สับ
4.แป้งทอดกรอบ 1.5 ชช.

วิธีทำ
1.นำเครื่องปรุงทั้งหมด หมักกับหมู ยกเว้นข้าวคั่ว หมักทิ้งไว้ 15-20 นาที
2.ใส่ข้าวคั่วลงคลุกให้เข้าจับหมูจนทั่ว แล้วโรยแป้งทอดกรอบ คลุกแป้งเบา 
3.ทอดไฟกลาง จนเหลืองจนพอใจ
4.ตักขึ้นพัก โรยพริกป่น ข้าวคั่วเล็กน้อย และใบมะกรูดซอย
ทานกับข้าวเหนียว ได้เมนูง่ายๆ อีกหนึ่งเมนูแล้ว

ปล.ปรุงให้เข็มข้นไว้ก่อน เมื่อใส่แป้ง แล้วทอด รสชาดจะเบาลง(รสชาดเหมือนลาบหมู)


Kitchenware,เครื่องครัว ลดราคา 50-90%



ที่มา เฟสบุ๊ค Manop Karist Gatecare

วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ห่อหมกปลาช่อน "สูตรโบราณ"

สูตรห่อหมกโบราณ ทำง่ายๆ ลองทำดูนะ เมื่อก่อนเราทำก็แบบง่ายๆ มีวัตถุดิบในตู้เย็น หรือหาได้ง่าย ที่ใกล้เคียงกัน ก็จะใส่ตามงั้น แต่จะไม่ค่อยครบสูตร แต่ก็อะร่อยดีนะ สูตรนี้ไปเจอในเฟสบุ๊ค ก็เลยเอามาแบ่งปันกัน


เครื่องปรุงมีดังนี้:-
1.ปลาช่อน1กิโล
2.หัวกะทิ1.5 กิโล แบ่งหัวกะทิไว้3ขีดเพื่อหยอดหน้านะคะ
3.ใบยอ/ใบโระพา อย่างละครึ่งก.ก.(หรือตามชอบ)
4.ใบตอง 1มัด
5.ถั่วลิสงคั่วบดละเอียด1ถ้วย
6.น้ำตาลปี๊บ 3ช้อนโต๊ะ
7.น้ำปลา 3 ชต./น้ำตาลปี๊บ1ช้อนโต๊ะ
8.เกลือ 1ช้อนโต๊ะ
9.น้ำพริกแกง 3ขีด
10.กระชาย10บาท
11.ข้าวสุก1ทัพพีขยำให้เละ
12.แป้งข้าวเจ้า3ช้อนโต๊ะ (สมัยก่อนใช้ข้าวสารมาป่นให้ละเอียด)
13.ไข่เป็ดสามฟอง
14.ใบมะกรูด/พริกแดง (หั่นตามรูปที่โรยหน้า)

วิธีทำ
1.เอากระชายมาตำผสมในน้ำพริกให้เข้ากัน
2.เย็บกระทงนำผักที่จะรองก้นกระทงไปนึ่งก่อนนะคะ
3.หั่นเนื้อปลาแบบแฉลบเป็นชิ้นใหญ่และหนา
4.นำเนื้อปลามาคนกับกระทิสักสิบห้านาทีจึงเติมน้ำพริกแกงลงไปคนต่ออีก15-20นาที(สังเกตุดูว่าเนื้อปลาดูดกะทิแล้ว)ปรุงรสและใส่เครื่องปรุงทุกอย่างที่เตรียมไว้ลงไปผสมให้เข้ากันคนต่ออีก15นาที
5.ลองชิมรสดูนะคะขาดเหลือเติมเอา(เค็มเผ็ดนำหวานตามนิดๆ)
6.นำไปหยอดใส่กระทงที่ใส่ผักล้วนนึ่งสัก15นาทีจึงหยอดกะทิ(ต้องเอากะทิไปใส่แป้งกวนให้ข้นนิดนึงก่อนนะคะและโรยใบมะกรูด/พริกแดงนึ่งต่ออีก5นาที 

*เวลาคนเนื้อปลา คนไปทางเดียวกันด้วยความเร็วปานกลางค่ะอย่าแรงมากเดี๋ยวปลาจะแหลกไป ถ้าเป็นห่อหมกทะเลต้องเพิ่มแป้งและไข่*


ที่มา ของภาพและสูตร facebook Pilailuck Kanjanawat

วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

สเต๊กหมูม้วนทอดสอดไส้ชีส

ไปเจอในเฟสบุ๊คของ คุณSalita Rakviriya ดูน่าทานมาก อยากทำบ้าง แต่ยังไม่มีเวลา ก็เลยเอามาฝากสมาชิก เผื่อว่าจะมีคนชอบเหมือนกัน




1.หมูสันนอกหั่นชิ้นหนาประมาณ 1/2 ซม. (เลือกชิ้นที่ใหญ่ๆ หน่อยจะดีค่ะ)
2.ชีสแผ่น
3.เกลือ
4.พริกไทย
5.ไข่ไก่
6.แป้งสาลี
7.เกล็ดขนมปังป่น (เราใช้แบบป่นละเอียด)
8.น้ำมันสำหรับทอด
9.มันฝรั่งอบ
10.มันฝรั่งหั่นชิ้น
11.ผง Garlic Salt 
12.พาเมซานชีสป่น
13.น้ำมันมะกอก


1.ใช้ที่ทุบเนื้อ ทุบเนื้อหมูสันนอกให้บางและนุ่ม โรยเกลือและพริกไทยนิดหน่อย
2.ตัดชีสแผ่นเป็น 2 ส่วน จากนั้นตัดครึ่งอีกครั้งนึง แล้วเอามาทบกัน ตัดครึ่งอีกที (ประมาณให้เป็นแท่งสี่เหลี่ยมผืนผ้า หนาประมาณ 1 ซม.)
3.นำชีสที่ตัดไว้วางบนชิ้นหมู(ชีสควรมีขนาดเล็กกว่าหมู) จากนั้นม้วนให้แน่น (ตามรูป) แล้วนำไปคลุกแป้งสาลี ชุบไข่(ตีให้เข้ากัน) และคลุกเกล็ดขนมปังป่นจนทั่ว พักไว้ในตู้เย็นประมาณ 30 นาที
4.ตั้งกระทะใส่น้ำมัน รอจนร้อนแล้วลดไฟอ่อน จากนั้นนำหมูลงทอด (เอาด้านรอยต่อลงก่อนนะคะ) รอจนสุกเหลืองแล้วค่อยกลับด้าน ทอดจนสุกทั้งสองด้าน ตักขึ้นซับน้ำมัน
5.ตัดมันฝรั่งเป็นเสี้ยวๆ จากนั้นใส่น้ำมันมะกอกและผง Garlic Salt คลุกเคล้าให้เข้ากัน เรียงใส่ถาดอบ โรยพาเมซานชีสจนทั่ว นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 230 องศา อบประมาณ 40 นาที(เวลาในการอบขึ้นอยู่กับขนาดด้วยนะคะ) หรือจนสุกเหลืองสวย (วอร์มเตาอบก่อนด้วยนะคะ)
6.จัดหมูทอดและมันฝรั่งอบใส่จาน เคียงด้วยผักสลัด เสิร์ฟพร้อมซอสมะเขือเทศและมายองเนสค่ะ


ที่มา เฟสบุ๊ค Salita Rakviriya

ลอดช่องสิงคโปร์สูตรโบราณ

อากาศร้อนๆ มีลอดช่องสิงคโปร์ ใส่น้ำแช็งทุบป่นเย็นๆ สักแก้วคงจะชื่นใจดีนะคะ ยิ่งได้ทำเองกับมือ ยิ่งชื่นใจมากๆเลย วันนี้มีสูตรลอดช่อง มาฝากค่ะ ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไรมากมายเลย แค่หาเอาในครัวก็พอแล้วล่ะ ลองมาทำกันดูนะ


ส่วนประกอบ   1. แป้งมันสำปะหลัง 500 กก.   2. น้ำต้มเดือด    3. น้ำตาลทราย 500 กก.หรือตามชอบ
4. น้ำกะทิ 600 กรัม   5. นมสด 1 กระป๋อง   6. เกลือป่น เล็กน้อย   7. ขนุนสุก 300 กรัม หรือตามชอบ(ฉีกเป็นเส้น)   8. ใบเตย (ถ้าต้องการสีเข็มก็ใช้เยอะหน่อย หรือใช้สีผสมอาหารแทนก้ได้)
9. น้ำเปล่าสำหรับทำน้ำเชื่อม 500 กรัม   10. น้ำแข็งป่น



ที่กดลอดช่อง ลดราคาเพียง 420 บาทเท่านั้น

https://goo.gl/RStCoa

วิธีทำลอดช่อง
1.แบ่งแป้งมันเก็บไว้ครึ่งถึง หนึ่งถ้วยตวง(ปอาไว้ใช้ตอนนวด และตอนทำตัวลอดช่อง
2.นำแป้งส่วนที่เหลือ ใส่ภาชนะเทน้ำร้อนใส่ลงไปในแป้ง ทีละน้อย แล้วค่อยๆนวดจนแป้งจับตัวเป็นก้อน    นำน้ำใบเตย ที่คั้นน้ำเอาไว้แล้ว มานวดให้เข้ากับแป้ง (ถ้าแป้งติดมือ ก็ให้ใช้มือแตะแป้ง ที่แบ่งไว้ตอน    แรก )จนเป็นเนื้อเดียวกัน
3.ใช้ไม้นวดคลึงแป้งให้บางตามชอบ(ถ้าไม้มีไม้ ใช้ขวดแก้วแทนก็ได้ )แล้วเอามีดหั่นเป็นเส้น สั้น-ยาว
    ตามชอบ(ถ้าเส้นติดกันให้ใช้แป้งมันที่แบ่งไว้โรยบางๆ) หรือจะใช้วีธีเอานิ้วเด็ดเป็นก้อนเล็กๆก็ได้
4.นำภาชนะหรือหม้อใส่น้ำแล้วนำไปต้มให้เดือด นำแป้งที่ตัดไว้ลงต้ม (แบ่งต้มทีละน้อย) เมื่อแป้ง
   ลอยตัวและพองให้ตักใส่ในน้ำเย็นที่เตรียมไว้ แล้วเทใส่กระชอนหรือภาชนะกรองให้สะเด็ดน้ำ

วิธีทำน้ำเชื่อม
นำน้ำตาลทรายเทใส่หม้อตั้งไฟอ่อนๆ ก่อนเติมน้ำให้คั่วน้ำตาลทรายประมาณ 3-5 นาที แล้วเติม
น้ำเปล่าที่เตรียมไว้ ตัดใบเตยเป็นท่อนยาวๆใส่ลงไป เคี่ยวไฟอ่อนๆ จนน้ำเชื่อมข้นและเหนียว วิธีนี้จะทำให้ได้น้ำเชื่อมสีสวยและมีกลิ่นหอมของใบเตย

วิธีทำน้ำกะทิ
1.นำน้ำกะทิขึ้นตั้งไฟ เคี่ยวไฟอ่อนๆ คนตลอดเวลาเพื่อไม่ให้กะทิแตกมัน ใส่เกลือเล็กน้อย ชิมดูพอได้รส
   เค็มนิดหน่อยก็พอ
2.นำเส้นลอดช่อง และขนุน ใส่ลงในน้ำกะทิ 
3.เวลาจะเสิร์ฟ ตักลองช่อง ใส่น้ำเชื่อม ใส่น้ำเข็งป่น ใส่นมสด

ขาหมูทรงเครื่อง

ขาหมูทรงเครื่อง นุ่มลิ้น สูตรไม่ตายตัว แบ่งเป็น4ขั้นตอน ไปดัดแปลงกันได้แต่ที่สำคัญ เครื่องของต้องครบ ถึงจะอร่อย สูตรไม่ต้องใส่เครื่องยาจีน ไม่ต้องใส่ผงพะโล้


วัตถุดิบ
1.เตรียมของ ขาหมู ตามถนัด 2-4 ชิ้น   2.ผักคะน้า    3.ไข่ต้ม   4.เห็ดหอมแห้ง   5.รากผักชี   6.กระเทียมดอง 1หัว กับน้ำกระเทียม   7.กระเทียมสด   8.เกลือ   9.น้ำส้มสายชู   10.ซีอิ้วดำสูตร1   11.ซอสหวาน (ซีอิ้วดำหวาน)   12.น้ำมันหอย   13.น้ำตาลทราย   14.ผักชี (โรยหน้า)   15.พริกสด (ทำน้ำจิ้ม)



วิธีทำ
เอาขาหมูเข้าเตาอบก่อนนะ อบให้หนังแห้ง ไขมันละลายจะได้ไม่เลี่ยน แล้วตั้งน้ำ,ตั้งไฟ ทุบกระเทียมดอง ใส่น้ำกระเทียมดองลงไปด้วยพอประมาณ ทุบรากผักชีลงตาม กระเทียม4-5กลีบลงไป ใส่ขาหมูลงไปเลย ตามด้วย
เกลือ 2 ชต
น้ำส้มสายชู 3 ชต
ซีอิ้วดำสูตร1 6 ชต
ซอสหวาน (ซีอิ้วดำหวาน) 6 ชต
น้ำมันหอย 2 ชต 
ปล. ของพวกนี้กะเอานะ มากน้อยลองดู เสร็จแล้วตัมไฟแรงจนเดือด แล้วลดเป็นไฟอ่อน ใส่ใข่ต้ม ต้มไปเรื่อยๆอีกสัก 3-4 ชั่ว น้ำยุบให้เติมน้ำเอาแค่พอท่วมไข่,ท่วมหมู ไขมันลอยตักออกให้หมด เสร็จแล้วปิดไฟทิ้งใว้ค้างคืน ต้องค้างคืนนะ! รับรองอร่อย คิดเสียว่าพรุ้งนี้ไม่ต้องทำไรมาก
(3)
ข้ามมาอีกวันก็จัดการ แช่เห็ดหอมแห้งกับน้ำร้อน แล้วต้มต่อสักพัก ให้กลิ่นเห็ดมันจางลง แล้วบีบเอาน้ำออกให้หมด ผ่าครึ่งใส่ลงไปในหมอขาหมู ต้มขาหมูอีกครั้งด้วยไฟกลางๆ อีกสัก2ชั่วโมง ตอนนี้แหละครับชิมรสเลย มันจะขาดเหลือไม่มาก ไม่เกลือก็น้ำตาล! ตามชอบนะ..
(4) 
ระหว่างรอก็จัดผักคะน้า ต้มน้ำใส่เกลือสักหน่อย ใส่คะน้าลงไปลวกให้พอสุก แล้วเอามาแช่น้ำเย็นทันที คะน้าก็จะเขียวสดสีสวย ไม่เหี่ยว ทำน้ำจิ้มก็ง่ายๆเลย ตำกระเทียมกับพริกสดให้แหลก ใส่น้ำส้มสายชูลงไป น้ำตาลสักหน่อย ให้ออกเผ็ด,เปรี้ยว,หวาน เสร็จแล้วก็จัดจานเลยครับ ผักชีโรยหน้า


ขนมหัวผักกาด สูตรโบราณ

หลายๆคนคงเคยซื้อมาทาน จากที่เค้าทอดขายกัน แต่เราไม่เคย ซื้อมาทานเลย เราว่าที่ทำขายกัน ตามท้องตลาด หรือที่ทอดขายกันตามฟุตบาท ดูแล้วแทบมองไม่เจอหัวผักกาดเลย เจอแต่แป้ง แต่สูตรที่เรา เอามาแบ่งปันกันนี้ มีแป้งนิดเดียวเอง เป็นสูตรของ"อาม่า"อร่อยมากเลยล่ะ ขอบอก ใครที่ได้ลองชิมแล้วจะติดใจ เรามาเริ่มทำกันเลยดีกว่านะ


1. หัวผักกาด           2     กิโลกรัม
2. แป้งข้าวเจ้า        3     ขีด
3. เกลือป่น              1    ชต.
4. น้ำตาลทราย       1     ชต.
5. พริกไทยป่น         3/4  ชต.
6. กุ้งแห้ง                 1/2  ถ้วย
7. ถ้่วลิสงคั่ว            1/2  ถ้วย
8. ขึ้นฉ่าย(ซอย)      1/2  ถ้วย
9. น้ำมันพืช             1/2 ชต.(ไม่ต้องก็ได้)

วิธีทำ
1.เมื่อได้ของครบแล้ว ก็ปอกหัวผักกาดก่อนเลย ที่ต้องปล่อยส่วนหัวลำต้นไว้จะได้เอาไว้จับขูดน่ะ
หัวผักกาดที่ขูดเสร็จแล้ว ถ้าไม่อยากได้กลิ่น และรสขมนิดหน่อย ของหัวผักกาด ก็ล้างด้วยน้ำสะอาด แล้วบีบน้ำออก ให้แห้งก่อน
2. ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงไปเลย
3.นำส่วนผสมทั้งหมด คลุกเคล้าให้เข้ากัน จะนวดนิดหน่อยก็ได้ ถ้าดูแล้วว่าแห้งมาก ก็ใส่น้ำได้นิดหน่อย ถ้าใส่น้ำมาก นึ่งแล้วขนมจะเละเกินไป ** หัวผักกาด หลังขูดแล้ว น้ำจากเนื้อผักกาดจะ มีไม่เท่ากัน**
4.ดูถาดก็รู้ว่าโบราณขนาดไหน 5555 ตัดใส่ถาดที่เตรียมไว้(ถ้าไม่ได้ใส่น้ำมันพืชในส่วนผสม ก็ควรจะทาน้ำมันพืชที่ก้นถาด ขนมจะได้ไม่ติดถาด)เสร็จแล้วก็เอาไปนึ่งได้เลย ใช้ไฟปานกลาง
5.ใช้เวลานึ่งประมาณ 20 นาที หรือให้สังเกตุจากสีแป้งและ หัวผักกาด ถ้าสุกหัวผักกาดและแป้ง จะมีสีใสเนื้อขนมจะเนียน ขนมสูตรนี้ไม่จำเป็นต้องทอดก็ทานได้นะ ทานตอนขนมสุกร้อนๆ กับซี่อิ้วญี่ปุ่น แต่ถ้าจะทอดก็ต้องรอให้ขนมเย็นก่อน จึงจะตัดเป็นชิ้นๆ แล้วนำมาทอด


Cooking Books, ตำราอาหาร ลดราคาเกิน 50%

ปลาดุกผัดพริกแกง นมสด

ปลาดุกทอด ผัดพริกแกงเผ็ดขลุกขลิก เป็นอาหาร จานอร่อย ที่ทำง่ายๆ เป็นหนึ่งใน เมนูจานโปรด ของคุณแม่เลยล่ะ คุณแม่มักจะเรียกร้อง ให้ทำให้ทาน(คุณแม่ขอร้อง5555) 



1.ปลาดุกทอด
2.เม็ดพริกไทยอ่อน
3.กระชายซอย(ซื้อมาซอยเอง จะได้รสชาดกว่า ที่เค้าซอยมาแล้ว)
4.พริกเขียว-แดงซอย
5.ใบมะกรูด ฉีด และหั่นฝอย(ใช้ฉีดอย่างเดียวก็ได้)
6 พริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต๊ะ
7.นมสด ครึ่ง-หนึ่งถ้วยตวง(นมพาสเจอร์ไรส์,นมถั่วเหลือง ก็ใช้ได้ ถ้านมที่นำมาใช้ มีรสหวาน ก็ให้งด หรือลดน้ำตาล จะได้ไม่หวานเกิน)


ปลาดุก 
1.นำปลาดุก ที่หั่นเป็นแว่นๆ ใส่เกลือป่น แล้วคลุกเบาๆให้ทั่ว ล้างออกด้วยน้ำเปล่า 2 ครั้ง วางใส่ในกระชอน ให้ปลาค่อนข้างแห้ง 
2.ใส่แป้งข้าวจ้าว 2-3 ช้อนโต๊ะ คลุกเคล้าให้ทั่ว นำปลาไปทอด(ปลา ที่เห็นในภาพ  1 กิโลกรัม เป็นเนื้อล้วนๆ ไม่มีหัว-หาง เราทอดทั้งหมด แล้วแบ่งเก็บไว้ ทำได้ 3 ครั้ง)


   

1.นำเนื้อปลา ที่ทอดแล้ว ใส่จาน ตามด้วย พริกแดง-เขียว,ใบมะกรูด,พริกไทยอ่อน และกระชาย
2.ใส่น้ำตาล น้ำปลา และน้ำซุป
3.ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืช(ถ้าใช้ น้ำมันมะพร้าว จะหอมมาก)ใช้ไฟอ่อน ใส่พริกแกง ผัดพริกแกงให้หอม ใส่ ข้อ 1. ลงไปทั้งหมด(เปิดไฟค่อนข้างแรง)กลับปลาเพื่อให้น้ำซุปเข้าถึงเนื้อปลา พอน้ำซุปงวดลง ใส่นม พอเดือด ปิดไฟ ตักใส่จาน

เคล็ดลับ การใส่แป้งลงไปคลุก กับเนื้อปลา ก่อนทอด
              1.จะช่วยให้เวลาทอด น้ำมันไม่ค่อยกระเด็น
              2.ปลาไม่ติดกระทะ 
              3 เนื้อปลาไม่แตกยุ่ย และมีสีสวย

ต้มจืดมะระกระดูกหมู ให้อร่อย

บางคนอาจจะบอกว่า ต้มมะระไม่เคยขมเลย หรือบางคนอาจจะบอกว่า บางครั้งก็ขม บางครั้งก็ไม่ขม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หรือบางคนอีกนั่นแระ อาจจะบอกว่า ต้มขมทุกครั้งเลย วันนี้มีเคล็ดลับง่ายๆมาบอกค่ะ ว่าต้มมะระยังไงไม่ให้ขม

ขั้นแรก การเลือกมะระ ต้องเลือกลักษณะ มะระให้เหมือนอย่างในภาพ มะระที่เห็นในภาพ จะเป็นมะระ ที่ไม่แคระเกร็ง และดูสมบูรณ์ มะระลักษณะ แบบนี้ต้มแล้วจะไม่ขม 




เมื่อได้มะระแล้ว ให้ล้างมะระทั้งลูกก่อนนะ แล้วค่อยมาผ่าเอาเมล็ด-เยื่อข้างในออก จากนั้นก็หั่นตามชอบได้เลย เอาน้ำซุปใส่หม้อ(ถ้ามี) หรือน้ำเปล่า เอากระดูอ่อน หรือซี่โครงหมู และมะระใส่หม้อเลย(ไม่ต้องรอน้ำร้อน หรือน้ำเดือด) เปิดไฟแรง หรือปานกลางก็ได้(ไม่ต้องปิดฝาหม้อ)  พอน้ำเดือดก็หมั่นช้อนฟองไปเลื่อยๆ จนฟองหมด ปรุงรสตามชอบ ปิดฝาลดไฟให้อ่อนมากๆ แต่ไม่ใช่อ่อนจนน้ำนิ่งนะ ให้น้ำผุดๆเล็กน้อย ใช้เวลาต้มประมาณ 1 ชม. ขึ้นไป 




เคล็ดลับ ต้องต้มสุกมากๆจึงจะไม่มีรสขม มะระที่สุกได้ที่ สีจะเป็นอย่างที่เห็นในภาพ

Kitchenware,เครื่องครัว ลดราคา 50-90%


หอยแมลงภู่ทอด

ชอบมากๆเลยค่ะเมนูนี้  หอยแมลงภู่ทอด หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า หอยทอด เอามาจากเฟสบุ๊คของ Amorn Sangkrajang หน้าตาน่าทานมาก เลยเอามาฝาก ส่วนรสชาด ก็แล้วแต่ชอบน่ะ ถ้าใครชอบรสชาดความกรอบ อีกแบบก็ไปที่"หอยแมลงภุ่ทอด กุ้งทอด ปลาหมึกทอด"ได้เลยค่ะ



วัตถุดิบ...
1.หอยแมลงภู่สด แกะเปลือก 3 ช้อนโต๊ะ (สำหรับ 1 จาน)
2.แป้งทอดกรอบ 3 ช้อนโต๊ะ (ให้พอดีไม่มากไปน้อยไป)
3.นำ้สะอาด 8 ช้อนโต๊ะ (ผสมแล้วแป้งจะไม่ข้นไปและไม่ใสไป)
4.นำ้ปลาแท้ 1 ช้อนชา     5.ซีอิ้วขาว 1 ช้อนชา    6.ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา    7.นำ้ตาลทราย 1 ช้อนชา
8.นำ้ส้มสายชู 1 ช้อนชา    9.ต้นหอม + ผักชี ซอยละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ     10.ถั่วงอก 1 หยิบมือ
11.พริกไทยป่น ตามชอบ    12.นำ้มันหมู 1 ทัพพี   13.กระเทียมซอยละเอียด 1 ช้อนชา   14.ไข่ไก่ 2 ฟอง
15.ซอสพริก



วิธีทำ...
ผสมแป้งทอดกรอบกับน้ำสะอาดคนให้ละลายเข้ากัน แล้วตักหอยแมลงภู่มาคลุกเคล้ากับแป้งให้เข้ากัน
ตั้งกะทะไฟกลางใส่นำ้มัน กระเทียมซอยผัดให้เหลืองหอม เทแป้งที่ผสมหอยลงทอดใช้ตะหลิวเกลียให้เสมอกัน(อย่าให้หนาครับแป้งจะสุกยาก)พอด้านล่างเหลืองให้ตอกไข่ใส่ด้านบนละเลงไข่ให้ทั่วหน้า แล้วพลิกกลับเอาด้านล่างขึ้นตอกไข่ใส่ละเลงให้ทั่วหน้าเช่นกัน แล้วใช้ตะหลิวสับเป็นชิ้นพอเหลืองกรอบได้ที่ให้กันหอยที่ทอดไว้ด้านบน แล้วลดไฟลง เอานำ้มันหยดในกะทะนิดหน่อยใส่ถั่วงอก ปรุงรสด้วย นำ้ส้มสายชู นำ้ปลา ซีอิ้วขาว ซอสปรุงรส นำ้ตาลทราย ผัดถั่วงอกให้เข้ากันแล้วนำไปผัดรวมกันกับหอยอีกที(เร่งไฟได้)ใส่ต้นหอม ผักชีซอย ผัดให้เข้ากันปิดไฟ ตักใส่จานโรยพริกไทยป่น ทานคู่กับซอสพริกอร่อยมาก

Kitchenware,เครื่องครัว ลดราคา 50-90%

แกงขนุนอ่อน

ที่บ้านมีต้นขน่นออกดกมากๆเลย ถ้าไม่ตัดออกบ้างลูกก็จะไม่โต แต่พอตัดออกก็เสียดาย ก็เลยหาสูตรตามเน็ตดู มาเจอสูตรนี้ในเฟสบุ๊คของ"Manop Karist Gatecare (กุ๊กเทวดา)"เข้า หน้าตาดูหน้าทานมากๆ โดยเอามาฝากสมาชิก เผื่อใครที่สนใจอยากลองทำทานดูบ้าง


วัตถุดิบ
1.ขนุนอ่อน -- ต้มทั้งเปลือก ผ่าเอาแกนกลางออก ปอกเปลือก หั่นตามอัธยาศัย มากน้อยตามกำลัง(ผมใช้ประมาณ 300-400 กรัม)

2.เครื่องแกง -- พริกไทยเม็ด 10 เม็ด(ความชอบส่วนตัวไม่ใส่ก็ได้) พริกขี้หนูแห้ง 25-30 เม็ด กระเทียมไทย 1 หัว หอมแดง 5 หัว เกลือ 1 ชช. กะปิ 0.5 ชช. ตำทุ

3.ตะไคร้ 2 ต้น มะเขือเทศสีดา 4-5 ลูก

4.ชะอม และ ใบชะพลู มากน้อยตามชอบ

5.กระดูกหมูอ่อน 100-150 กรัม-- ล้าง หั่นบางเอากระดูกอ่อนด้วย

6.เครื่องปรุง -- เกลือ 0.5 ชช. ผงชูรส(หากชอบ) ผงปรุงรสหมู 1 ชช.น้ำตาลปี๊บ 1 ชต. (หากชอบหวานก็ใส่นะครับ)

7.น้ำปลาร้า 1 ชต.(ใจจริงไม่อยากใส่เลย แต่กลิ่นไม่ได้ เลยต้องใส่) 


วิธีทำ
1.เคี่ยวกระดูกหมูให้นุ่ม ใส่น้ำพอท่วม และใส่ขนุนที่หั่นแล้วลงไป เคี่ยวไปเรื่อย สัก 10-15 นาที 
2.ใส่พริกแกง และตะไคร้ทุบลงไป เคี่ยวต่อไปอีก 10 นาที ใส่มะเขือเทศและน้ำปลาร้าลงไป เคี่ยวต่อ 5 นาที ปรุงรสตามชอบ
3.ได้รสที่ต้องการ ใส่ใบชะอม และใบชะพลูหั่น คนให้ผักสลด ปิดไฟ ไม่ต้องปิดฝา ทิ้งให้หอมกลิ่นผัก 
ตักเสริฟ พร้อมข้าวสวยร้อน ๆ หรือ ทานเปล่า ๆ เพื่อลดน้ำหนักก็ดีนักครับ

Kitchenware,เครื่องครัว ลดราคา 50-90%


ที่มาของสูตร facebook>Manop Karist Gatecare

คะน้าฮ่องเต้น้ำมันหอย หมูกรอบ

หมูกรอบหลายๆคนคงชอบ ยิ่งผัดกับคะน้า ไม่ว่าจะเป็นคะน้าพันธ์บ้านเรา หรือคะน้าฮ่องเต้ ก็อะร่อยน่ารับประทานทั้งนั้น 


ส่วนผสม
1.หมูสามชั้น 350กรัม
2.คะน้าฮ่องเต้ 10ต้น
3.น้ำมันหอย 2ชต.
4.ซอสถั่วเหลือง 1+1/2ชต.
5.พริกไทยดำบด 1/2ชช.
6.น้ำตาลทราย 1/2ชช.
7.พริกสดหั่นตามยาว 5เม็ด
 8.กระเทียมสับ 1ชต.
9.น้ำมันรำข้าว
10.เกลือป่น 1/2ชช.



วิธีทำ
1.ล้างทำความสะอาดหมูสามชั้น หมักด้วยซอสถั่วเหลืองพักไว้ 20นาที นำไปอบในเตาอบความร้อน 230องศา 40นาที (การอบจะรีดน้ำมันออกจากหมู ทำให้หมูไม่ค่อยมันคะ) หลังจากนั้นนำมาทอดในน้ำมันรำข้าว (เวลาทอดตั้งน้ำมันให้ร้อนจัด แล้วเบาไฟลงกลางๆ ทอดด้านละ 1นาที หนังหมูจะฟูกรอบ) พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน แล้วตัดเป็นชิ้นเล็ก


2.ล้างคะน้าฮ่องเต้ ปอกเปลือกแข็งๆออก ตั้งหม้อต้มน้ำ พอน้ำเดือดใส่เกลือป่น 1/2ชช. น้ำมันพืช 1ชช. นำคะน้าลงลวก พักให้สะเด็ดน้ำ ตัดเป็นชิ้นเล็กแล้วจัดใส่จานไว้


3.ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันรำข้าว 1ชต. พอน้ำมันร้อนดีใส่กระเทียมลงผัดจนหอม ใส่น้ำมันหอย พริกสด พริกไทยดำ น้ำตาล เติมน้ำต้มสุก 2ชต. ผัดให้เข้ากันดี นำไปราดบนคะน้าฮ่องเต้ที่ลวกไว้ นำหมูกรอบจัดใส่ข้างจาน ทานกับข้าวสวยหรือข้าวต้มก็อร่อยคะ

Kitchenware,เครื่องครัว ลดราคา 50-90%


ที่มา www.facebook.com/supaporn.kumnodnae